Saturday, February 17, 2007

โลกของเจ้าตัวเล็ก (4) ดำอะไรดี

โลกของเจ้าตัวเล็ก (4) ดำอะไรดี
ชมัยภร แสงกระจ่าง (สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย)



น้องนวลกำลังนั่งที่เก้าอี้สนาม มองดูพี่เครานั่งตัดหญ้าแกร๊บ ๆ พอตัดได้สักสิบแกร๊บ พี่เคราก็เดินมายกแก้วเบียร์ขึ้นกรึ๊บ ๆ น้องนวลก็จะร้องว่า “พอแล้ว ๆ” พอพี่เคราเผลอ น้องนวลก็ขโมยกรึ๊บ ๆบ้าง บางทีก็จะมีเสียงพี่เคราร้อง “เฮ่ย ๆ ขโมย ๆๆ” สองสามีภรรยาหยอกล้อกันไปมา จนปลายหญ้าเกือบหมดสนามเล็ก ๆ (เล็กจริง ๆ นะจะบอกให้)
ทันใดนั้น น้องนวลก็นึกขึ้นได้
“ไอ้ตัวแสบหายไปไหน”
พอมองไปที่บ้าน ได้ยินเสียงอะไรดังกุกกัก น้องนวลก็พบคำตอบ พี่เคราลืมปิดประตูครัว และแน่นอน เจ้าตัวแสบที่ว่าเข้าไปในครัวได้ อะไรจะเกิดขึ้น
“ตายแล้ว..”
น้องนวลวิ่งเข้าไปในครัว ภาพที่เห็นคือเจ้าซีเซ็กฉ่ายกำลังพยายามตะกายยืดตัวขึ้นสูงสุดเพื่อเอาปากคาบชามอาหารที่ยังไม่ได้ปรุงเป็นกับข้าวลงมาจากเคาน์เตอร์ในครัวให้ได้ น้องนวลร้องเสียงเย็นเรียบแต่ดัง
“ซีเซ็กฉ่าย..”
ลูกหมาวัยรุ่นหันมามอง ปากยังค้างอยู่บนเคาน์เตอร์ นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มจ้องมองเจ้านายผู้หญิงแบบกลัว ๆนิด ๆ แต่ไม่กลัวจริง เพราะไม่ยอมเอาขาลง พอเห็นว่าช่องว่างระหว่างเสียงออกจะเว้นยาว เจ้าตัวแสบก็หันไปทำท่าจะเพียรพยายามต่อ
“เฮ้ย..”น้องนวลร้อง “ยังไม่เลิกอีก ไอ้นี่”
น้องนวลเงื้อมือกระทืบเท้าเข้าไปใกล้ ๆ ซีเซ็กฉ่ายจึงหดขาและลดตัวลงอย่างเสียดาย หันมากระดิกหางงิ้ด ๆ มือของน้องนวลฟาดปุ้บลงบนตัวของเจ้าหมา มีเสียงร้อง “งี๊ก” ยาว ๆ หนึ่งที นัยน์ตาสีน้ำตาลเหลือบมองแบบตัดพ้อต่อว่า
“ยังจะมามองอีก รีบออกไปสิ..”น้องนวลว่า
“มันขโมยอะไร” พี่เคราตามมายืนที่ประตูครัวส่งเสียงถาม
น้องนวลมองจานบนเคาน์เตอร์ที่มีรอยแหว่ง ๆ มองพื้นที่มีซากเศษอาหารหล่นอยู่ มองถังขยะเล็กที่ล้มระเนระนาด ถุงพลาสติกสองสามใบถูกขยุ้มหล่นอยู่
“ไม่รู้” น้องนวลตอบ ทั้งที่รู้ว่ากุ้งในชามได้หายไปหมดเกลี้ยงแล้ว เธอรู้ดีว่าขืนตอบความจริงไป เจ้าซีเซ็กฉ่ายอาจถูกตีรุนแรง เพราะน้ำเสียงของพี่เคราวันนี้ออกจะซีเรียสกว่าทุกวัน สงสารซีเซ็กฉ่าย
พี่เคราถือไม้เดินเข้าไปใกล้ เจ้าซีเซ็กฉ่ายกระโจนพรวดเดียวมุดขาพี่เคราออกนอกบ้านไป พี่เคราวิ่งตาม ซีเซ็กฉ่ายใช้วิชาตัวเบากระโดดข้ามรั้วเตี้ย ๆออกไปได้ในพริบตา
“อ้าว..” พี่เครากับน้องนวลร้องพร้อมกัน
“มันข้ามรั้วได้นี่” น้องนวลบ่นพึมพำ
พี่เคราส่ายหัว กลับไปนั่งกรึ๊บ ๆเบียร์ต่อ แล้วสองหนุ่มสาวก็ลืมหมาไปพักใหญ่ น้องนวลแอบเอากุ้งในตู้เย็นออกมาใหม่ ทำกุ้งแช่น้ำปลา ทำยำปลาทูน่าแล้วก็ออกมานั่งที่เก้าอี้สนามที่มีสีไม่เหมือนกันแม้สักตัว เพราะฝีมือของพี่เครา สีแดง สีเขียว สีเหลือง สีน้ำเงิน คุยกันกระหนุงกระหนิง นาน ๆจะมีเสียงแม่น้องมอลลี่ดังข้ามรั้วบ้านมาผสมโรง “น้องนวล วันนี้ทำอะไรกิน” น้องนวลตอบว่า “ยังไม่รู้เลยค่ะ” ส่วนพี่เคราทำปากขมุบขมิบ “จะมาช่วยทำหรือไง” น้องนวลขมึงตา พี่เคราหัวเราะ

ใกล้ค่ำแล้ว ตอนที่สองสามีภรรยาได้ยินเสียงของซีเซ็กฉ่ายอยู่ไม่ไกลจากบ้านนัก
“ฮ็อก ๆ ๆ ๆ” เสียงเห่าของซีเซ็กฉ่ายดังแบบนี้ แต่มีเสียงของหมาอื่นเห่าประสานด้วย “ฮ้ง ๆ ๆ “ “แอ้ก ๆ”
“บ้านช่องไม่รู้จักกลับ” น้องนวลถือไม้เรียวอันที่ตีกันอยู่เป็นประจำเดินออกไปนอกบ้าน พี่เครามองตาม
สุดซอยเป็นวงกลมกลับรถ ยังไม่มีบ้านคน มีจุดดำ ๆจุดหนึ่ง ล้อมไว้ด้วยหมาสามตัว
“อะไรน่ะ” น้องนวลร้อง เขม้นมอง หมายังรุมเห่า และเจ้าจุดดำยังนิ่งสนิทไม่เคลื่อนไหว น้องนวลเริ่มกลัว “งูหรือเปล่า” เธอตะโกนเรียกสามี “พี่เคราออกมานี่หน่อย”
ภาพที่สองสามีภรรยาเห็นนั้น เหลือเชื่อจริง ๆ แมวสีดำตัวกระจิดริดยืนประชิดกำแพงหมู่บ้าน หมาสามตัวล้อมเป็นรูปครึ่งวงกลม มันตัวกระจิดริดแต่คงไม่รู้ตัว หรือไม่ก็ไม่มีทางเลือก มันโก่งตัวโค้งสูงเต็มที่ มองดูแล้วคล้ายกับวงโค้งเล็ก ๆ ขนพองกลมไปทั้งตัว ปากเป็นสีแดง เห็นเขี้ยวสีขาว มีเสียงออกมาจากปากดังแฟ่ ๆ ไม่น่ากลัวสำหรับซีเซ็กฉ่ายและหมาตัวอื่น ๆ แต่เป็นของแปลกพิลึกอยู่
พี่เคราเดินตามออกมา หมาสองตัวที่ไม่ใช่ซีเซ็กฉ่ายขยับตัว กลัวคนแปลกหน้า ในขณะที่เจ้าซีเซ็กฉ่ายมีกำลังใจ ขนคอตั้งขึ้น ส่งเสียงคำรามหนักแน่นขึ้น แม้จะยังเป็นเสียงเด็ก ๆก็ตาม
“ช่วยมันหน่อย ๆ “น้องนวลร้อง
พี่เคราไม่ทำอะไร เดินลุยเข้าไปกลางวง หมาแตกกระจาย ซีเซ็กฉ่ายทำท่าจะผสมโรงเดินตาม แต่ถูกน้องนวลเรียกไว้ “ซีเซ็กฉ่ายมานี่..” มันก็เลยลังเล
ลูกแมวไม่วิ่งหนี หากมองดูพี่เคราด้วยท่าเดิม เพียงแต่ไม่แยกเขี้ยวมากเท่าเดิม แต่ก็ยังค้าง ๆ อยู่ พี่เคราก้มลงหยิบก้อนดำ ๆเล็ก ๆนั้นขึ้นมา ส่งให้น้องนวล ไม่พูดไม่จาแล้วเดินกลับบ้าน น้องนวลรับก้อนดำนั้นมาไว้ในมือด้วยความสงสาร แล้วออกเดินกลับบ้าน ซีเซ็กฉ่ายทุรนทุรายวิ่งตามด้วยความตื่นเต้น น้องนวลต้องเรียกไว้ “เบา ๆหน่อย คุณพี่ซีเซ็กฉ่าย”
ก้อนดำ ๆ นั้นถูกวางลงบนโต๊ะสนาม
“ทำไงดี พี่เครา” น้องนวลถาม ซีเซ็กฉ่ายร้องตอบ “งี้ด ๆ ๆ”
“ไม่รู้สิ...”พี่เคราว่า จิบเบียร์กรึ๊บ ๆ
เจ้าก้อนดำขยุกขยุยมองหน้าคนอุ้มมา แล้วส่งเสียงร้อง “แง้ด ๆ ๆ ๆ”
เสียงนั้นดังมากจนคนที่ฟังอยู่อดขำไม่ได้ มันเป็นเสียงร้องราวกับต่อว่าความชักช้าของคน “แง้ด ๆ “ ไม่มีความประหวั่นพรั่นพรึงต่อคนใหม่หรือสถานที่ใหม่เลยแม้แต่น้อย แถมยังทำท่าถูไถมือน้องนวลไปมา
น้องนวลหันไปมองซีเซ็กฉ่ายอย่างชั่งใจ สำหรับหมาที่กัดทุกอย่างแม้แต่เต่าเช่นนี้ แมวตัวเล็ก ๆจะรอดไปได้อย่างไร
“ทำไงดี” เสียงน้องนวลเริ่มอ่อนลง ไม่เป็นการขอคำปรึกษาแล้ว แต่เป็นการรำพึง “เลี้ยงไว้ก่อนนะ...อีกสองสามวันค่อยคิด”
พูดจบ น้องนวลก็ยกเจ้าก้อนดำ ๆนั้นเข้าไปในบ้าน มีเสียงพี่เคราตะโกนตาม “แมวหัน ๆ”
แม่น้องมอลลี่แปลกใจมากที่สองสามวันมานี้ได้ยินเสียงเจ้าซีเซ็กฉ่ายร้องเหมือนแมว

------------------