Tuesday, January 16, 2007

โลกของเจ้าตัวเล็ก (3) โศกนาฎกรรม-ธรรมดา

โลกของเจ้าตัวเล็ก (3) ชมัยภร แสงกระจ่าง

โศกนาฎกรรม-ธรรมดา



พี่เคราเรียกซีเซ็กฉ่ายว่า “ไอ้ปากยมบาล” เพราะผ่านไปได้แค่หนึ่งเดือนทุกอย่างในบ้านก็เริ่มย่อยสลายกลายเป็นชิ้นเป็นอัน ขาโต๊ะเริ่มมีรอยฟัน รองเท้าเริ่มพลัดพรากจากคู่ คู่หนังที่เผลอก็เป็นอันจบชีวิต ต้นไม้ต้องสลับสับเปลี่ยนขึ้นที่สูงหลายต้น ยกเว้นสนามหญ้าที่โยกย้ายไม่ได้และไม่เป็นเป้าเท่าไรนัก รวมทั้งราวตากผ้าราวล่างที่ต้องยกเลิกไปโดยปริยาย หลังจากซีเซ็กฉ่ายอยากนุ่ง “กุงเกงใน”

ทุกเช้าน้องนวลต้องเดินหารองเท้าแตะฟองน้ำเป็นประจำ จนในที่สุดพี่เคราก็ทำตะกร้าแขวนรองเท้าไว้หน้าบ้าน สูงประมาณเอว ห้อยต่องแต่ง แถมยังทำท่าชักรอกได้ ฝ่ายสามีสรุปเอาว่า จะชักรอกให้สูงขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามความสูงของเจ้าซีเซ็กฉ่าย
“น่าเกลียด”ภรรยาว่า “รองเท้าอะไรมาห้อยต่องแต่ง ๆ”

แต่จะน่าเกลียดแค่ไหนก็เอาลงมาไว้ต่ำกว่านั้นไม่ได้ เพราะซีเซ็กฉ่ายคันปากจนสุดจะทน
สองสามีภรรยาจึงต้องเป็นคนมีระเบียบ มีชีวิตที่เต็มไปด้วยความระมัดระวัง หยิบโน่นเก็บนี่เข้าไปไว้ในบ้านเสมอ จนบ้านเริ่มจะล้นๆ

วันศุกร์เย็นหนึ่ง เพื่อนรักสองคนตามมาจากจากธนาคารมาตั้งวงเหล้าที่บ้าน ทันทีที่รถจอด ซีเซ็กฉ่ายก็กระโดดโลดเต้นเป็นการใหญ่ ทำราวกับว่ารู้จักกันมาแต่ชาติไหน ๆ พี่เคราเขม่นมองด้วยความเจ็บใจ บ่นพึมพำอยู่ในคอว่า “หมาอะไรวะ โคตรรับแขก”

เพื่อนรักชื่อตั้ม ตัวดำปื๋อที่ไปไหนมาไหนหมาเห่า(ด้วยความกลัว)ทั่วหน้า ดีอกดีใจที่หมาบ้านเพื่อนออกอาการรู้จัก “เฮ้ย ๆมันรู้จักกูด้วย”

พี่เคราก็เลยยิ่งหมั่นไส้ อาฆาตแค้นซีเซ็กฉ่ายอยู่ในใจ ส่วนเพื่อนอีกคนหนึ่งชื่อป๋อ เป็นคนไม่ชอบหมา มองเจ้าซีเซ็กฉ่ายด้วยความไม่ไว้ใจ บ่นแต่ว่า “เลี้ยงทำไมวะ น่ารำคาญ” ซีเซ็กฉ่ายจับได้ว่า คนชื่อป๋อไม่ชอบตัว จึงแอบคาบรองเท้าไปฉลองเป็นคนแรก น้องนวลซึ่งตั้งแต่ลงจากรถมาไม่ทำอะไรเลย นอกจากง่วนอยู่กับการทำกับแกล้ม มองเห็นซีเซ็กฉ่ายนอนเคี้ยวอะไรหงุบ ๆหงับ ๆอยู่ในกอปักษาสวรรค์ จึงตะโกนบอกกับพี่เครา กว่าพี่เคราจะได้ยิน กว่าจะหยุดคุย กว่าจะลุกขึ้น กว่าจะมาถึงจุดที่หมายได้ รองเท้าของป๋อก็มีรอยฟันเรียงเป็นแถว ทำให้ป๋ออารมณ์เสีย ซดเบียร์เร็วกว่าเดิม น้องนวลจึงสั่งให้ทุกคนเอารองเท้าไปใส่ตะกร้าชักรอกไว้ ตั้มหัวเราะตะกร้ารองเท้าที่ถูกชักสูงขึ้นจนสำลักเบียร์

เมื่อน้องนวลเอากับแกล้มมาเสิร์ฟ คนเริ่มเมาทั้งหลายก็ได้รับคำสั่งว่า ห้ามให้กระดูกหรือก้างแก่หมาเป็นอันขาด

“มันยังเด็ก เดี๋ยวลำไส้ทะลุ” น้องนวลทำเสียงขู่ แม่ของหนูมอลลี่ข้างบ้านแอบได้ยินประโยคนี้พอดี ก็ทำตาโตแอบฟังต่อไปเพราะเริ่มสงสัยว่าเด็กที่ไหนมานั่งกินเบียร์อยู่ในบ้านพี่เครากับน้องนวล

พอตกดึกซีเซ็กฉ่ายก็นอนเมาอยู่ข้าง ๆ วงเบียร์ เพราะพี่เคราแอบเอาเบียร์ให้หมากิน พอมันเดินโซเซก็เฮฮา น้องนวลห้ามแล้วห้ามอีก แต่ไม่เป็นผล ตกดึก คนสามคน แขกสองคนและพี่เคราเจ้าของบ้าน ก็ย้ายที่นอนจากโต๊ะสนามไปนอนในห้องรับแขก

น้องนวลเป็นคนเดียวที่ได้ขึ้นไปนอนชั้นบน เธอตื่นขึ้นมาก่อนใคร พอเดินลงบันไดมาถึงห้องรับแขก น้องนวลก็หัวร่อคิก เพราะคนที่นอนอยู่ที่ห้องรับแขกนั้นไม่ได้มีสามชีวิตเท่าที่คิด หากแถมเจ้าซีเซ็กฉ่ายเข้ามาด้วย น่าจะเป็นตั้มที่ยิ่งเมายิ่งปลื้มหมา พอเห็นน้องนวลเจ้าตัวแสบน้อยประจำบ้านก็ลุกขึ้นกระดิกหางดิ๊ก ๆ น้องนวลเกรงใจแขกที่นอนกันระเกะระกะ จึงค่อย ๆจับมันอุ้มออกไปทางประตูครัว แต่พอตกสายเจ้าของบ้านฝ่ายหญิงก็ได้ค้นพบความจริงอันน่าสยดสยองว่า เจ้าซีเซ็กฉ่ายแอบแทะขาโต๊ะรับแขกแหว่งไปหลายเซ็น(ติเมตร) พอเพื่อน ๆ กลับไปแล้วพี่เคราก็ซ่อมขาโต๊ะรับแขกให้ภรรยา โดยการเอาสก็อตเทปสีเทามาพันไว้ทั้งสี่ขา ทั้งที่มีขาแหว่งขาเดียว แล้วยืนยันว่า
“โต๊ะมันใส่ถุงเท้า”

ของในบ้านทะยอยกันเข้าแถวมาให้ซีเซ็กฉ่าย ทั้งฟัดและทั้งเหวี่ยง หมาสูงขึ้นเรื่อย ๆ และของที่ตั้งวางทั้งหลายก็ต้องพลอยสูงตามไปด้วย ไม้เรียวยาว ๆ ถูกเสียบไว้ที่โน่นที่นี่ พี่เคราเอาไว้ตีทำโทษหมาเวลากัดต้นไม้ ซีเซ็กฉ่ายก็จำบ้างไม่จำบ้าง

วันหนึ่ง น้องนวลตื่นแต่เช้าเห็นใต้กอปักษาสวรรค์โหว่เป็นหลุมเบ้อเร่อ มีเจ้าซีเซ็กฉ่ายนอนตัวมอมอยู่ข้างหลุม
“ขุดทำไม” น้องนวลคว้าไม้เรียวอันที่ใกล้ที่สุดทำท่าเงื้อง่า ซีเซ็กฉ่ายนอนมองเฉย เพราะมันรู้ว่านายผู้หญิงไม่เคยตีจริงจัง “เดี๋ยวต้นไม้ฉันตายหรอก”
พอพี่เคราตื่น น้องนวลก็รีบฟ้อง พี่เคราออกไปกลบหลุม ทำโทษซีเซ็กฉ่ายด้วยพอได้ร้องเอ๋ง ๆ สักพักหนึ่ง ก็หิ้วอะไรสักอย่างเข้าบ้านมาโชว์ให้น้องนวลดู น้องนวลกำลังยืนทำกับข้าว พอหันมาเห็นอะไรต่องแต่ง ๆ ในมือสามีก็ร้อง
“กรี๊ดดดด......”
แม่ของหนูมอลลี่ข้างบ้านกำลังหั่นผัก ตกใจจนมีดหลุดจากมือ
“อื๋อยย...สงสัยทะเลาะกัน” เธอบ่นคนเดียว พลางทำคอยืดคอยาว แต่ภาพที่เห็นก็คือ พี่เคราเดินถืออะไรดำ ๆ ออกมาจากบ้าน หัวเราะหึ ๆ เพื่อนบ้านเกือบจะร้องกรี๊ดไปด้วย หากแต่เอามืออุดปากไว้ทัน พอดีพี่เคราหันมาสบตา ก็ได้ทีรีบถาม
“ตัวอะไรน่ะ”
พี่เครายกชูให้เห็นกระจะตา เพื่อนบ้านทำคอย่นเพราะมองไม่ออกหรอกว่าสิ่งที่เห็นคืออะไร แต่พอขยับจะอ้าปากถามต่อ ก็เห็นน้องนวลเดินตาช้ำแดงตามหลังออกมา เธอหันมาบอกแม่ของหนูมอลลี่ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า
“น้าฝนค่ะ น้ำฝนหนึ่งน่ะ”
เพื่อนบ้านอ้าปากหวอ ไม่รู้ว่าน้ำฝนคืออะไร จะว่าเป็นหมาตัวไหนก็ไม่ใช่ทั้งสิ้น เพราะเจ้าตัวต้นเหตุก็ยังวิ่งอยู่เห็น ๆ จะว่าเป็นหมาตัวอื่นก็กระไรจะย่นย่อเหลือขนาดเล็กเท่ากำปั้น น้องนวลบ่นต่อ
“คิดดูนะคะ ซนจริง ๆ มันกัดเต่าจนกระดองแตกตาย ใครจะไปคิดคะว่ามันจะกัดกระดองเต่าแตก ไอ้หมาจอมโหด”

แม่ของหนูมอลลี่ก็เพิ่งรู้เดี๋ยวนั้นเองว่า น้ำฝนหนึ่งนั้นเป็นเต่า แต่รู้ช้าไปหน่อย ยังไม่ทันได้เชยชม น้ำฝนหนึ่งก็ตายไปเสียแล้ว

เพื่อนบ้านเกาะรั้วดูพี่เคราขุดหลุมฉึก ๆ มีน้องนวลเป็นคนหย่อนซากเต่าลงหลุม มีเสียงแผ่เมตตาอยู่แว่ว ๆ สัพเพ สัตตา อเวรา อัพยาปัชฌา สุขีอัตตานัง ปริหะรันตุ....สลับกับเสียงซีเซ็กฉ่ายร้องงี้ก ๆ เพราะพี่เคราตีสั่งสอน

5 comments:

Unknown said...

ถึงจะเศร้ากับชะตาชีวิตอันรัดทดของน้องน้ำฝนหนึ่ง
แต่ก็อดขำเจ้าซีเซ็กฉ่ายไม่ได้
อ่านไปก็นึกถึงบรรดาสหายขนฟูที่บ้านแต่ละตัว
และก็อดคิดถึงวงซิมโฟนีเสียงแตกยามเช้าที่บ้านน่าดูค่ะ

ปุถุชน said...

ขอแสดงความยินดีกับป้าอี๊ดด้วยขอรับ

ถิรปสาโท said...

ขอร่วมแสดงความยินดีในหน้าที่ใหม่ด้วยครับ พี่ชมัยภร

artyhouse said...

มาคารวะและแสดงความยินดีกับตำแหน่งนายกฯ ครับ

ชมัยภร แสงกระจ่าง said...

ขอบคุณทุกๆ คนมากค่ะ ที่ให้กำลังใจ อย่าลืมมาช่วยงานนะคะ