Thursday, May 3, 2007

โลกของเจ้าตัวเล็ก [5] มันชื่อถ่านหุงข้าว



เจ้าก้อนดำ ๆ นั้นมันเป็นลูกแมว หากพินิจพิจารณากันอย่างใกล้ชิดแล้ว ตามประสาคนธรรมดาทั่วไปก็คงบอกว่า “ขี้ริ้ว” แต่สำหรับพี่เครากับน้องนวลนั้น ต้องพูดว่า “อัปลักษณ์” เหตุที่เจ้าก้อนดำๆ ที่มาใหม่ดูอัปลักษณ์สำหรับคู่สามีภรรยา เพราะมันประกอบด้วยทุลักษณะสามประการคือ ประการที่หนึ่ง มันมีขนขยุกขยุยด้วยความสกปรกไปทั่วตัว บางตอนกะหร็อมกะแหร็มเหมือนถูกแทะ ประการที่สอง มันมีดวงตาเป็นสีเหลืองวาว แทนที่จะเป็นสีฟ้า แมวขนดำตาเหลือง น่าเกลียดน่ากลัวแค่ไหนก็ลองนึกเอาเองก็แล้วกัน ส่วนประการที่สามก็คือ หางมันสั้นประมาณครึ่งตัว แถมยังหงิกงออีกด้วย
“อะไรจะอัปลักษณ์ปานนั้น” พี่เคราว่า
น้องนวลแอบมองด้วยความสงสาร แล้วก็พูดให้กำลังใจ(ตัวเอง)“แต่มันดีนะ..ดูสิ..ดำสนิทเลย ไม่มีตรงไหนขาวแม้แต่จุดเดียว...แมวดำเขาก็ต้องอย่างนี้ละ”
“ไอ้ถ่าน..ไอ้ถ่านหุงข้าว” พี่เคราเรียก
ทันทีที่พี่เคราส่งเสียงเรียก เจ้าก้อนดำ ๆนั้นรีบเดินเข้ามาหาพลางร้องขึ้นด้วยเสียงอันดัง “แง้ว ๆ ๆ ๆ” ทำท่าจะเอาลำตัวเข้ามาถูขาของพี่เครา
“เฮ้ย..มันพูดได้” พี่เคราว่า ทำเสียงเอะอะ เขาไม่ค่อยชอบแมวเท่าไรนัก
“ไอ้ถ่าน ไอ้อ่านหุงข้าว..” น้องนวลพูดตาม แมวดำก็เปลี่ยนคนถูไถมาเป็นฝ่ายหญิงบ้าง “แง้ว ๆ ๆๆ”
“ไม่เอ๊า..” น้องนวลร้อง “สกปรก”

ในที่สุด น้องนวลก็ขอร้องให้พี่เคราช่วยจับเจ้าแมวดำตัวกะลิดปิ๊ด(ภาษาของน้องนวล) อาบน้ำ “เอาแชมพูของซีเซ็กฉ่ายมา..” ว่าแล้วน้องนวลก็เอาน้ำราดตัว แมวดำร้องแป๊วด้วยความตกใจ แต่พี่เคราจับหัวแน่น น้องนวลมองท่าจับของพี่เคราแล้วไม่สบายใจ “เบา ๆหน่อยก็ได้ พี่เครา เดี๋ยวมันหายใจไม่ออก” พี่เคราคลายมือ น้องนวลถูกตัวมันต่อ เจ้าถ่านหุงข้าวแยกเขี้ยวร้องแป๊ว ๆ เห็นเหงือกสีแดงแปร๊ดตัดกับฟันขาวแหลม พี่เครามองแล้วเปรยขึ้นว่า
“ข้อดีของมันนะ...เหงือกแดงฟันขาว”
“สุขภาพดี” น้องนวลว่า
“ใครว่า” พี่เคราทำตาระยิบระยับ “มันคงกินเลือดมาก..ฮ่า ๆ ๆ”ว่าแล้วแมวดำตัวกระจิ๋วหลิวที่เต็มไปด้วยฟองแชมพูก็ถูกยกขึ้นแล้วส่ายไปส่ายมาอยู่ตรงหน้าของน้องนวล
“ไม่เอ๊า ๆ...อย่าเล่น” น้องนวลร้อง แชมพูกระเด็นไปทั่วห้องน้ำ บางหยดลอยออกไปนอกประตู “พี่เคร้า ๆ ๆ” เสียงน้องนวลแหลมสูง ทำเอาแม่ของน้องมอลลี่คอยาว บ่นกับน้องมอลลี่ว่า “เอ๊ะ...น้านวลเขาเป็นอะไรไปน่ะ..” น้องหนูมอลลี่มองหน้าแม่แล้วตอบด้วยลีลาท่วงทำนองเดียวกันว่า “สงสัยจะท้อง..” แม่น้องมอลลี่ก็เลยร้องกรี๊ด ๆด้วยความถูกใจ เสียงดังกว่าบ้านน้องนวลไปอีก

พี่เครากับน้องนวลอาบน้ำให้เจ้าถ่านหุงข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ท่าทางมันสบายตัวขึ้น น้องนวลเอาไดร์เป่าผมไล่เป่า แมวก็วิ่งหนีเสียงดังของไดร์ วุ่นวายไปทั้งบ้าน ทำให้เจ้าซีเซ็กฉ่ายไม่พอใจเป็นอย่างมาก มันเอาแต่ตะกายประตูบ้านเสียงดังกึง ๆ ๆ ร้องสียงดังงี้ด ๆ ๆ น้อยอกน้อยใจที่เจ้านายเอาแมวดำที่แสนน่าเกลียดมาเลี้ยง
“ไอ้บ้า..ประตูเป็นรอยหมดแล้ว” น้องนวลยื่นหน้าไปดุทางช่องกระจก เจ้าซีเซ็กฉ่ายก็ยิ่งตะกาย
“ต้องให้มันรู้จักกันก่อน” พี่เคราว่า
น้องนวลดีใจ “ตกลงเราเลี้ยงมันเลยนะ..” ภรรยายิ้มประจบ
สามีหัวเราะ ไม่ตอบคำขอเลี้ยง แต่กลับเอ่ยต่อประโยคเก่าของตัวเอง “ต้องให้มันรู้จักกันก่อน โดยการให้ซีเซกฉ่ายกินแมว แทนยอพระกลิ่น..”
“พูดอะไรน่ะ” น้องนวลว่า “เลอะเทอะ”
น้องนวลพูดไม่ทันจบ พี่เคราซึ่งอึดอัดเต็มทีกับการต้องอยู่ในบ้าน ก็เปิดประตูผาง เจ้าถ่านหุงข้าวที่รอจังหวะอยู่แล้วก็พุ่งปรู๊ดออกจากบ้านไป เท่านั้นแหละ ความโกลาหลอลหม่านก็บังเกิดขึ้นในพริบตา เพราะซีเซ็กฉ่ายรอเวลานี้อยู่แล้ว เจ้าถ่านหุงข้าวไม่ใช่แมวธรรมดา หากมันเป็นแมวที่โชกโชนมาจากสนามชีวิตแล้ว ดังนั้น แค่เจ้าซีเซ็กฉ่ายตัวเดียวจะไปครนาอะไร ว่าแล้วมันก็ถีบกระป๋อง กะละมัง กระถางอะไรทั้งหลายที่อยู่ในบริเวณนั้นตกลงมาเป็นแถว มีเสียงดังโคร่ม ๆ
เพล้ง ๆ ตามด้วยเสียงแง้ว ๆ ฮ่ง ๆ โฮ้ง ๆ ฮึ่ม ๆ แฟ่ ๆ และสุดท้ายที่ทุกคนได้ยินคือเสียง
“เอ๊งงงง ๆๆ” ของเจ้าซีเซ็กฉ่ายที่ดังยาวนานเป็นพิเศษ เจ้าถ่านหุงข้าวขึ้นไปนั่งเด่นเป็นสง่าอยู่บนรั้วกำแพงระหว่างบ้านของแม่หนูมอลลี่กับบ้านของพี่เครา ท่าทางไม่เหนื่อยหอบอะไร ตามองมาที่เจ้าซีเซ็กฉ่ายที่วิ่งพล่านอยู่บริเวณลานจอดรถอย่างสะใจ
ซีเซ็กฉ่ายซึ่งเจ็บปวดลูกตาอยู่ยิบ ๆ กระโดดตะกายรั้ว ยกขาหน้ายกขาหลังยกตัวยกก้น ยกเท่าไร ๆก็ไม่ถึงไอ้เจ้าก้อนดำ ๆ ที่มีฤทธิ์เดชอันทรงพลังสักที มีเสียงเจ้านายสองคนร้อง “เฮ้ย ๆ”สลับกับ “วี้ดๆ ว้าย ๆ”
พายุในบ้านสงบลงเรียบร้อยเมื่อพี่เคราเดินออกมาจากบ้าน ดุเจ้าซีเซ็กฉ่ายที่ทำท่าเจ็บตาอ้อนแล้วอ้อนอีกแต่ไม่สำเร็จ
“อย่ายุ่งนะ”
ซีเซ็กฉ่ายเห็นเจ้านายเอาจริง ก็เดินไปนอน(แกล้งทำเป็น) เรียบร้อยอยู่ตรงชิงช้า แต่ก็ไม่วายเหลือบตามาทางน้องนวลแล้วร้อง “งี้ด ๆ “เป็นการฟ้อง พี่เคราเดินไปที่ริมรั้ว แล้วพูดขึ้นว่า
“ร้ายนักนะแก..ไอ้ถ่าน”
น้องนวลหัวเราะ “พี่รู้ได้ไงว่า เราจะเรียกมันว่าไอ้ถ่านหรืออีถ่าน”
พี่เคราหันมาหัวเราะ “ซ่าแบบนี้ไอ้ถ่านแน่”
ว่าแล้วพี่เคราก็คว้าเจ้าก้อนดำ ๆนั้นมาอย่างรวดเร็ว ยกก้นขึ้นดู ดูแล้วดูอีกก็ไม่เห็นอะไร ซีเซ็กฉ่ายเห็นเจ้านายจับแมวขึ้นมา จิตใจที่จวนสงบก็กลับระส่ำระสายขึ้นมาใหม่ รีบแล่นลุกออกมาโดยเร็ว แต่ยังไม่ทันถึงก็ได้ยินประกาศิตพี่เคราว่า “ซีเซ็กฉ่าย ไม่ต้องยุ่ง” ซีเซ็กฉ่ายก็เลยกลับไปนอนที่เดิม น้องนวลถาม
“ตกลงตัวผู้หรือตัวเมีย ฮะพี่”
“ตัวผู้ไง” พี่เคราตอบ เขามองดูส่วนที่จะแสดงความเป็นเพศผู้ของเจ้าถ่านหุงข้าวอย่างเร็ว ๆ พอเห็นเป็นก้อน ๆ เขาก็มั่นใจ “แหงละ...นิสัยก้าวร้าวด้วย”
เขาไม่พูดไม่ทันจบ ถ่านหุงข้าวก็ร้องสวนขึ้น “แง้ว”
“นั่นไง....มันอกว่ามันตัวผู้”
สองสามีภรรยาหัวเราะกันใหญ่ “แมวพูดได้...ไอ้เจ้าถ่านพูดได้”

ความช่างต่อล้อต่อเถียงของเจ้าถ่านช่วยให้มันได้มีบ้านอยู่ เพราะนับแต่วันนั้นเป็นต้นมา แม่หนูมอลลี่ก็ได้ยินแต่เสียงสองสามีภรรยาพูดถึงแต่ถ่านหุงข้าว ทำให้เพื่อนบ้านแม่ลูกเล็กสงสัยเป็นอันมากว่า ทำไมสองคนนี้ไม่ซื้อเตาแก๊สเสียที ใช้แต่ถ่านหุงข้าวอยู่ได้
บ้านนี้มีอะไรแปลก ๆ แม่หนูมอลลี่คิด หมาก็ร้องเป็นแมว แล้วยังจะใช้ถ่านหุงข้าวอีก เฮ้อ...

4 comments:

tigerpoon said...

ชอบเรื่องโลกของเจ้าตัวเล็กมากเลยค่ะ อ่านไปหัวเราะไป ที่บ้านก็เลี้ยงทั้งหมาและแมว หมาที่บ้านชอบกัดทุกอย่างเหมือนเจ้าถ่านหุงข้าว ตอนนี้ก็ได้แต่รอให้มันโต จะได้เลิกกัดเสียที
กำลังรออ่านตอนต่อไปค่ะ

นายจึ๋ง said...

พี่อี๊ดที่รัก กรุณาส่งที่อยู่อีเมลพี่ให้ผมด้วย จะส่งรูปที่ไปเดินป่าปางมะผ้ากัย ดร.รัศมีให้ดู และรูปอาปุ๊ที่เราไปเยี่ยมครั้งสุกท้ายให้ครับ


จึ๋ง ณัฐวัฒน์ อุทธังกร

Anonymous said...

อี๋ดจ๋า
เข้ามาดู blog อี๋ด สนุกจ้ะ มีสร้าง blog พี่ศรีเหมือนกัน ไม่สนุกอย่างนี้หรอก อี๋ดว่างเมื่อไรส่ง อีเมล์ให้พี่บ้างนะ จะได้ติดต่อกันได้ง่ายขึ้น
พี่ศรี

Anonymous said...

ตายแล้ว ทำไม่มีรูปเริบ ชื่อเสียงเรียงนามเต็มอัตราอย่างนี้ก็ไม่รู้ อี๊ดอ่านแล้วลบทั้งสอง comment ทิ้งโดยเร็วด้วยจ๊ะ มันโฉ่งฉ่างจัง พี่คงต้องไปให้เขาแก้ blogของพี่
พี่ศรี