Sunday, December 17, 2006

โลกของเจ้าตัวเล็ก (ตอนที่ 1)


โลกของเจ้าตัวเล็ก (ตอนที่ 1)

ชมัยภร แสงกระจ่าง
<<สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย>>



เรื่องของน้ำฝนหนึ่งและสอง...

สองหนุ่มสาวเพิ่งจะย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านโครงการใหม่ ฝ่ายชายมีท่าทางเป็นอาร์ทิสต์ ไว้ผมยาว มีเคราบ้างไม่มีเคราบ้างตามอารมณ์ ส่วนฝ่ายหญิงออกจะสดใสร่าเริง ออกอาการชอบจัดการโน่นนี่และช่างพูด สมกันดีกับฝ่ายชายที่เอาแต่ยิ้มและออกไปทางเชื่องช้า บ้านหลังเล็ก ๆ เป็นรังรักของครอบครัวใหม่ ฝ่ายชายชื่อพี่เครา ฝ่ายหญิงชื่อน้องนวล

ทั้งคู่เริ่มต้นด้วยการย้ายต้นไม้เข้ามาก่อน โยเริ่มจากต้นกล้วยพัดที่โบกใบไหว ๆอยู่ริมรั้ว เพื่อนบ้านที่มาอยู่ก่อน ทักข้ามรั้วมาว่า “เอ๊ะ..กล้วยอะไรคะนี่ มีลูกกินได้หรือเปล่า”
น้องนวลหัวเราะคิก ในขณะที่พี่เคราเป็นคนตอบ “เอาไว้พัดครับ ไม่ได้เอาไว้กิน”
เพื่อนบ้านยืนงงอยู่พักหนึ่งแล้วค่อย ๆ หดหัวหายไป

อีกสามวันต่อมาพี่เคราก็เอาต้นมะม่วงต้นเล็ก ๆมาลง ตามมาด้วยต้นปาล์มไม้ประดับใหญ่โขอยู่ เพื่อนบ้านสงสัยอีกว่า ทำไมต้นไม้ที่ต้นใหญ่จึงเป็นไม้ประดับ แต่ต้นไม้ต้นเล็ก ๆ กลับเป็นไม้ผล หลังจากคันปากอยู่หลายชั่วโมง ในที่สุดเขาก็ถาม ก็ได้คำตอบมาจากพี่เคราว่า
“เอาไว้ให้สงสัยครับ ไม่ได้เอาไว้กิน”
เพื่อนบ้านก็หดหัวหายไปหลายวัน

หลังจากนั้นพี่เคราก็เอาไม้เล็กไม้น้อยไม้ย่อยไม้ยิบมาลงจนเต็มไปหมด บางต้นก็มีดอก บางต้นก็ไม่มีดอกจนสวนหน้าบ้านที่มีเนื้อที่ไม่มากนักรกครึ้ม พอสวนสวยพี่เครากับน้องนวลก็ย้ายเข้ามาอยู่ ซ่อนตัวและซ่อนชีวิตคู่ไว้หลังไม้ครึ้มนั้น เพื่อนบ้านยืดคอขึ้นมาเหนือรั้วและพยายามสอดส่อง แต่ก็ไม่เป็นผลอันใด
วันหนึ่งเมื่อฝนตกหนัก เต่าน้อยตัวหนึ่งขนาดสักฝ่ามือเด็กเล็ก ๆต้วมเตี้ยมขึ้นมาตามฝน พี่เคราเป็นคนเห็นก่อน เขาชี้ให้ภรรยาดูแผ่นกลม ๆที่กระดื๊บ ๆอยู่กลางสายฝน “เต่า ๆ..” เขาร้อง ภรรยาตื่นเต้นร้องอุ๊ย ๆ แล้วก็หันมาไล่เขาให้ไปจับเต่ามา พี่เคราเป็นคนชอบเล่นสนุกอยู่แล้ว ก็จับเต่าน้อยที่ดูคล้ายของเล่นในตู้โชว์มาเล่น
เต่าน้อยหดหัวเมื่อเห็นภัยมาสู่ตัว พี่เคราหัวเราะ น้องนวลก็ชอบอกชอบใจ สองสามีภรรยาตั้งชื่อเต่าน้อยว่า “น้ำฝน” แล้วก็เอาเต่าน้อยไปปล่อยไว้ที่โคนกอปักษาสวรรค์ พร้อมกับเอากะละมังใส่น้ำให้ด้วย

พี่เคราทำงานธนาคาร น้องนวลสอนโรงเรียนอนุบาล พอตกเย็นพี่เคราก็ขับรถฟอร์ดคันเล็ก ๆ ไปรับน้องนวลกลับบ้าน พอมีเต่ามาอยู่ด้วย เมื่อถึงบ้านสองหนุ่มสาวก็รีบไปดูเต่า ซึ่งถือเป็นสัตว์เลี้ยงตัวแรกในบ้าน
“น้ำฝน ๆ” น้องนวลเรียกเต่า เดาะปากราวกับเรียกหมา “ดิ ๆ ๆ ๆ”
น้ำฝนไม่ใช่หมา จึงไม่ออกมาตามเสียงเรียก พี่เคราไปเที่ยวมุดอยู่ตามกอไม้ต่าง ๆ หาน้ำฝน “น้ำฝน ตุ๊ย ๆ ๆ ๆ “ เขาคิดวิธีเรียกเต่าขึ้นมาเอง
ด้วยเหตุบังเอิญหรือเหตุอะไรไม่มีใครทราบได้ อยู่ ๆ น้ำฝนก็โผล่หน้าขึ้นมาตามเสียงเรียก ไม่ใช่เธอเดินมาตามเสียง แต่เธอยืนอยู่(หรือความจริงอาจนั่งและอาจนอนอยู่ก็ได้ ไม่มีใครสามารถอธิบายท่าสามัญ(ประจำบ้าน)ของเต่าได้ น้ำฝนโผล่หัวออกมาจากหลังคาอันน้อย ๆ แล้วส่ายหัวไปมา พี่เคราที่กำลังยื่นหน้าเขม้นมองอยู่ สะดุ้งนิดหนึ่ง เพราะเห็นความเคลื่อนไหวนั้นโดยบังเอิญ
“โอ้ย..”พี่เคราร้อง “นวล ๆมันอยู่นี่”
“ใครอยู่..”น้องถาม
“น้ำฝน” พี่เคราตอบ
“เหรอ..”น้องนวลรีบกระวีกระวาดมาตามเสียงเรียก แล้วสองสามีภรรยาก็มายืนดูเต่าน้อยด้วยกันอยู่หน้าบ้าน มีเสียงเรียก “น้ำฝนจ๋า ๆ” ทำให้เพื่อนบ้านพลอยตื่นเต้นไปด้วย เพราะไม่รู้ว่าตัวน้ำฝนนั้นมันคืออะไร ครั้นจะถามดูอีกก็กลัวได้คำตอบแบบที่พี่เคราชอบตอบ จึงได้แต่เงี่ยหูฟังและจินตนาการไปเอง
น้ำฝนปรากฏตัวให้สองสามีภรรยาเห็นอยู่สามวัน พอวันที่สี่เกิดฝนตกหนัก น้องนวลเริ่มเป็นทุกข์ “เดี๋ยวน้ำฝนหนาว..” เธอบอกสามี ทำหน้าจริงจัง
“มันไม่หนาวหรอก..”สามียืนยัน นัยน์ตายิ้มระยิบ “แต่มันจะเป็นหวัด”
“บ้า ๆ”แล้วสองสามีภรรยาก็หัวเราะกันคิกคัก พอฝนหาย ทั้งสองคนก็ออกมาเดินท่อม ๆ หาน้ำฝน พร้อมส่งเสียงเรียก “น้ำฝน ๆ ๆ ๆ วู้ ๆ” เพื่อนบ้านยิ่งงงหนัก ที่เข้าใจว่าเป็นหมาเป็นแมวก็ดูน่าจะผิดไป
“เป็นหวัดตายไปแล้วละ”สามีบอกภรรยา ทำหน้ายิ้ม ๆ
น้องนวลก้ม ๆ เงย ๆอยู่พักหนึ่งก็ร้องกรี๊ด “โอ๊ย ๆ ๆ” ภรรยาสาววิ่งหนีเข้าไปยืนเต้นอยู่ในบ้าน สามีเดินมาถาม “อะไร”
น้องนวลยังเต้นอยู่ เพื่อนบ้านต่อย ๆยืดคอขึ้นมา สามีเดินเฉียดรั้วไป เพื่อนบ้านค่อย ๆ หดหัวลง
“อะไร” สามีถามอีก เริ่มเป็นกังวลว่าภรรยาอาจเห็นงู
“กบมั้ง” น้องนวลตอบ ปากคอสั่น
พี่เคราไปด้อม ๆมองอยู่พักหนึ่ง เขาก็หิ้วปาดตัวสีเหลืองอ่อน ขายาวโกงโก้ออกมาหนึ่งตัว ยืนไปตรงหน้าภรรยาที่ยืนหลับตาปี๋ร้องว่า “ไม่เอา ๆ ๆ ”
“ปาด ไม่ใช่กบ..”สามีว่าแล้วก็เอาปาดเกาะแขนเดินไปรอบ ๆบ้าน น้องนวลเริ่มเดินตาม นาน ๆครั้งจึงค่อย ๆเอามือเข้ามาจิ้มตัวดู
“ชื่ออะไรดี..”
“น้ำฝนสอง”
สัตว์เลี้ยงตัวที่สองในบ้านไม่สนใจชื่อน้ำฝนสองที่ได้รับการขนานนาม หากดีดตัวผึงเดียวจากแขนของเจ้าของบ้านชายไปเกาะติดอยู่ที่ข้างฝา เสียงน้องนวลร้องกรี๊ด ๆ ผสานเสียงหัวเราะ “ตกลงให้มันชื่อน้ำฝนสองนะ”

เพื่อนบ้านจึงได้ยินเสียงน้ำฝนหนึ่ง น้ำฝนสองระงมไป นับเป็นสัตว์เลี้ยงที่ไม่ต้องซื้อหาอาหารให้ เดือนแรกที่ได้มาอยู่บ้านใหม่ น้ำฝนหนึ่งกับน้ำฝนสองจึงถือเป็นสัตว์เลี้ยงประจำบ้านไปโดยปริยาย ทั้งที่เจอครั้งแรกแล้วก็ไม่ได้เจอครั้งที่สองอีกเลย หรือบางทีเจอครั้งใหม่ตัวใหม่ก็ไม่แน่ใจว่าเป็นตัวเดิมที่โตขึ้น เปลี่ยนไป หรือว่าเป็นตัวใหม่

“เลี้ยงง่ายดีนะ”พี่เคราว่า น้องนวลเอออ
ในขณะที่เพื่อนบ้านก็ยังหาคำตอบไม่ได้ว่าน้ำฝนหนึ่งกับสองเป็นตัวอะไร

-----------

No comments: