Sunday, December 24, 2006

โลกของเจ้าตัวเล็ก(2)

โลกของเจ้าตัวเล็ก (2)
ชมัยภร แสงกระจ่าง
(สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย)
ซีเซ็กฉ่ายมาเอง


โลกของเจ้าตัวเล็ก(2)
สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย


ซีเซ็กฉ่าย

อาจเป็นเพราะพี่เครากับน้องนวลวางแผนครอบครัวไว้ว่ายังไม่วางแผนครอบครัว ดังนั้น บ้านหลังเล็กยังไม่มีเจ้าตัวน้อย เพื่อนบ้านแสนซื่อแต่ชอบแอบดูที่ริมรั้วก็มักอวดลูกสาววัยสองขวบโดยการยกชูขึ้นริมรั้ว แล้วสอนให้ตะโกนเรียกพี่เคราว่า
“สวัสดี คุณอาเคราหน่อยสิคะ..ลูกมอลลี่”
เด็กหญิงมอลลี่ก็จะหวีดร้องด้วยความตกใจ เพราะพี่เคราผู้ชอบแกล้งทั้งคน สัตว์ ต้นไม้และสิ่งของก็จะเตรียมทำหน้าโหดเหี้ยมที่สุดเอาไว้หลอกเด็กหญิง แต่พอคนยกชูลูกโผล่ตามมาดูก็จะพบหน้าพี่เครายิ้มแฉ่งราวกับแป๊ะยิ้ม เธอก็จะเล็งเห็นความอิจฉาริษยาสุดขีดของนายเคราที่ตนไม่สามารถทำลูกได้ ดังนั้นเธอก็จะเยาะเย้ยด้วยประโยคที่ยิ้มพรายว่า
“เมื่อไหร่จะมีลูกเสียทีล่ะ คุณอาเครา” เธอเรียกอาตามที่พยายามสอนลูกสาวของเขาเอง

น้องนวลเดือดร้อนนักเพราะดูเหมือนจะเป็นความผิดของเธอที่ไม่มีลูกไวดั่งใจนึก วันหนึ่ง เมื่อหมาแม่ลูกอ่อนหน้าโรงเรียนอนุบาลเผลอคลอดลูกออกมา ๗ ตัว น้องนวลก็แสดงความรับผิดชอบโดยการหิ้วกลับมาเลี้ยงที่บ้านหนึ่งตัว เป็นหมาลายด่างสีน้ำตาลขาว พอพี่เคราเห็นหมาน้อยเข้าเท่านั้นก็ลงทุนแกล้งหมาเป็นการใหญ่ แกล้งวิ่งไล่ แกล้งตะโกนใส่ เลื่อนชามข้าวหนี ดีดหู ดึงหาง ยกขา ยืดหาง จนในที่สุดก็ลงนอนหอบแฮกด้วยกันทั้งคนและหมา

“ชื่ออะไรดีล่ะ” ฝ่ายภรรยาปรึกษา “น้ำตาลดีไหม”
สามีส่ายหน้า
“บราวนี่..”ภรรยาเสนออีก แต่สามีก็ยังส่ายหน้า
“ก้อนแก้ว ก้อนกรวด กาแฟ โกโก้ ดอกไม้ ..”
สามีไม่พยักหน้ารับเลยสักชื่อเดียว ภรรยาลงนั่งที่เก้าอี้ มองดูเจ้าตัวสีน้ำตาลขาววิ่งไปวิ่งมาอย่างเอ็นดู เดาะปากเรียกแล้วออกคำปรึกษาหมา
“ว่าไง แกอยากชื่ออะไรเอ่ย..”
ทันใดนั้น ก็มีเสียงเบา ๆของพี่เคราดังขึ้น “ชื่อซีเซ็กฉ่าย..”
น้องนวลหัวเราะคิกด้วยความเอ็นดูสามี ทำตาหวานเจ้าชู้เข้าใส่ “จริงน่ะ” สามีพยักหน้า ภรรยาก็พยักหน้าตา
เจ้าหมาตัวเล็กจึงกลายเป็นหมาสัญชาติจีน มีชื่อซีเซ็กฉ่าย เสียงเรียกเต่าหนึ่งและปาดอีกหนึ่งว่าน้ำฝนหนึ่งและน้ำฝนสองก็ค่อย ๆ หายไปจากหูของเพื่อนบ้าน หากแต่กลับเป็นชื่อใหม่ที่ฟังแปลกหูยิ่งกว่า
“ซีเซ็กฉ่าย ซีเซ็กฉ่าย”
เพื่อนบ้านเอียงหูฟัง นึกว่าผัวหนุ่มเมียสาวอยากกินข้าวต้ม แต่เสียงเรียกนี้ไม่มีเวลาตามกาละ ไม่มีเช้า ไม่มีสาย ไม่มีบ่าย และไม่มีเย็น มันดังสม่ำเสมอตลอดทั้งวัน เพื่อนบ้านจึงตัดสินใจแอบโผล่หัวขึ้นมาข้างรั้วในเวลาที่พี่เครากับน้องนวลไปจ่ายกับข้าวที่ตลาดในหมู่บ้าน พอเห็นลูกหมาลายสีน้ำตาลขาววิ่งอยู่ก็ร้อง “โธ่เอ๊ย..” ออกมาดังลั่น

ซีเซ็กฉ่ายเป็นหมาที่รับวัฒนธรรมความเป็นหมามาโดยสมบูรณ์ พอเห็นของแปลกโผล่ขึ้นที่ข้างรั้วเท่านั้น มันก็เห่าระงมระเงก แต่เผอิญว่าเป็นเจ้าตัวเล็กที่มีอายุเพียงสองเดือน ดังนั้น เสียงอันระงมนั้นจึงได้ยินไปไกลไม่กี่รูหู แต่ผ่านไปอีกเพียงเดือนเดียว หมาตัวเล็ก ๆก็กลายเป็นหมาตัวอ้วน ๆ และกัดกินทุกอย่างไม่เลือกหน้า
“ซาดิสต์นี่หว่า” พี่เคราว่า
“จริงเหรอ” น้องนวลทำหน้าสงสัย “ทำไมรู้”
“ก็เราเป็นมาก่อน” สามีตอบเสียงกลั้วหัวเราะ “บ้า” ภรรยาร้อง แล้วสองคนก็หัวเราะกันคิกคัก เพื่อนบ้านผู้เงย ๆก้ม ๆอยู่ข้างรั้วนิ่งฟัง ได้ยินคำว่า “ซาดิสต์”แล้วคิดเอาว่า เออหนอ คนสมัยใหม่นี่เขาไม่ยักกะกลัวซาดิสต์เนาะ

ซีเซ็กฉ่ายแสดงอาการซาดิสต์ของหมาวัยสามเดือนได้อย่างสมบูรณ์แบบ คล้ายกับเด็กอนุบาลที่เพิ่งจะโผล่หน้ามาเห็นโรงเรียน ดังนั้น บริเวณหน้าโรงเรียนที่เป็นบริเวณที่เห็นก่อนจึงถูกแทะ แคะ ทึ้ง ดึง เกา กัด ฟัด และเฟ้นฟอนกันทั่วหน้า ต้นโมกพวงที่ใส่ถุงดำตั้งไว้ยังไม่ทันจะลงดินกลิ้งโค่โล่ ต้นโมกน้อยถูกสลัดดินออกจนเกลี้ยงเกลา สร้อยฟ้าไม้เถาดอกสีม่วงที่ได้มาใหม่ก็หอมดินปุ๋ยเหลือกำลังจนเจ้าซีเซ็กฉ่ายอดรนทนไม่ได้ ช่วยสับทึ้งเป็นท่อน ๆด้วยฟันคมซี่เล็ก ๆ สองครั้งแรกที่หัดกัดต้นไม้ พี่เคราก็ช่วยเฉลิมฉลองด้วยการเอาไม้เรียวที่ทำจากต้นไม้ในบ้านมาไล่ตีเจ้าซีเซ็กฉ่ายไปรอบ ๆบ้าน เจ้าซีเซ็กฉ่ายเป็นหมาประหลาดที่เวลาโดนตีมันจะออกลูกอึด ร้องอู้ด ๆ แล้ววิ่งนำหน้าพี่เคราลอดเลื้อยไปตามช่องเล็ก ๆ ทำให้พี่เครากวาดสายตาตามไม่ทัน เลยต้องใช้เสียงเข้าช่วย แต่ต้องวิ่งไปด้วย คำรามขู่ไปด้วย
“ไอ้ซีเซ็กฉ่าย มึงนี่ซาดิสม์แม้กระทั่งต้นไม้”
แต่เนื่องจากด่าไปวิ่งไป เสียงจึงขาด ๆ หาย ๆ กระท่อนกระแท่น แถมยังไกลหูเพื่อนบ้านอีก เวลาเสียงวิ่งไปกระทบหูเพื่อนบ้านที่หาเรื่องอยู่แล้ว เสียงจึงดังเป็นอย่างนี้
“เซ็ก ๆ ฉึ ๆ ๆ มั้ย ๆ”
เพื่อนบ้านที่ทำท่าจะโผล่หัวขึ้นมาเหนือรั้วรู้สึกละอายแทน ที่บ้านนี้มีแต่เรื่องเซ็กส์ ๆ ก็เลยไม่กล้าคุยกับพี่เครากับน้องนวลไปสามวัน
ส่วนเจ้าซีเซ็กฉ่ายก็หยุดกัดต้นไม้ไปสามนาที หลังจากนั้นก็หันไปหาของเล่นอื่น ๆ อันได้แก่ไม้กวาดเล็ก ๆที่น้องนวลเอาไว้ปัด ๆ แถวม้านั่ง กะลามันขลับที่มาจากหนึ่งผลิตภัณฑ์หนึ่งตำบล กล่องพลาสติกเล็ก ๆ ที่เดิมเคยใส่ของกระจุกกระจิก หรือแม้กระทั่งผ้าผูกผมของน้องนวลที่ลืมวางพาดไว้บนพนักเก้าอี้กลางแจ้ง
“ปากหมานะ”น้องนวลบ่น “ทำไมปากหมานัก”

วันหนึ่งน้องนวลกับพี่เคราเข้าไปซื้อของในซูเปอร์มาร์เก็ต และเห็นส่วนที่เป็นของเล่นสัตว์เลี้ยง จึงไปยืนเลือก ๆ ดู เจอของเล่นหมาเวลาคันฟัน จึงตัดสินใจซื้อกบตัวเล็ก ๆที่ดังเอี๊ยดอ๊าดมาหนึ่งตัว สีเขียวอื๋อ
“เผื่อเป็นเพื่อนน้ำฝนสองด้วย” น้องนวลว่า “ไม่รู้มันหายไปไหนนะ ทั้งสองตัวเลย”
กบเขียวอื๋อที่ดังเอี๊ยด ๆ เรียกความสนใจจากซีเซ็กฉ่ายได้เพียงสามนาทีเช่นกัน กบก็กระเด้งกระเด็นหายไปในกอต้นไม้ ซีเซ็กฉ่ายเข้าไปรื้อค้นหาของเล่นใหม่เป็นการใหญ่ด้วยอาการเมามัน เสียงดังฮึ่ด ๆ ๆ ๆ ฮั่ม ๆ ๆ ๆ
ชั่วเวลาไม่ถึงสิบห้านาที ซีเซ็กฉ่ายก็ค้นเจอน้ำฝนสอง น้องนวลเป็นคนเห็นภาพตอนซีเซ็กฉ่ายกำลังไล่ตามปาดตัวเล็ก ๆ ดีดผึง ๆไปรอบบ้าน จึงออกวิ่งไล่ตาม “ช่วยมันหน่อยเร้ว ๆ พี่เคราเร้ว ช่วยน้ำฝนสองหน่อย ช่วยน้ำฝนสองหน่อย” พี่เคราก็เลยวิ่งตามน้องนวลอีกทีหนึ่ง คราวนี้เพื่อนบ้านโผล่หัวออกมาดูเพราะเสียงอันโกลาหล พอเห็นหมาวิ่งนำหน้า(แต่ไม่รู้ว่าอะไรนำหน้าหมา) ตามด้วยคนสองคน เพื่อนบ้านก็เข้าใจว่าหมาวิ่งไล่พี่เครา และน้องนวลวิ่งไล่หมา เพื่อนบ้านจึงหันไปรำพึงกับหนูมอลลี่ว่า
“อ้อ..หมามันชื่อน้ำฝนสองด้วยนะลูก”

----------

1 comment:

บินหลาแสนสวย said...

สวัสดีค่ะ คุณชมัยภร ที่รักและเคารพยิ่ง
แวะมาทักทายกันนะคะ ขอบคุณสำหรับข้อเขียนที่ดีค่ะ